สถานที่ท่องเที่ยวโปแลนด์ 10 อันดับ

สถานที่ท่องเที่ยวโปแลนด์ 10 อันดับ หากพูดถึงโปแลนด์เราคงเห็นภาพค่ายกักกันเอาชวิทซ์มาแต่ไกล และแม้ว่าประเทศนี้จะมีประวัติศาสตร์โหดร้าย แต่ที่นี่ ก็ยังมีความสวยงามที่น่าจดจำและน่าจดจำ Freebird Travel and Tour ขอเชิญคุณสัมผัสประสบการณ์ 8 เมืองที่สวยงามของโปแลนด์ (โปแลนด์) ย้อนรอยประวัติศาสตร์ของพวกเขา ดื่มด่ำไปกับความงดงามของอดีต

1. เมืองกดังส์(Gdansk)

กดานสค์ (Gdansk) หรือกดัญสก์ เมืองท่องเที่ยวทางตอนเหนือของโปแลนด์ มีชายฝั่งติดกับทะเลบอลติก เป็นเมืองท่าที่สำคัญ และอาคารโบราณของโปแลนด์ และสถาปัตยกรรมของเมืองนี้แม้บางส่วนจะถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากได้รับความเสียหายในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ยังเหลือร่องรอยและฐานรากดั้งเดิมอยู่บ้าง สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่คือนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้รอบเมือง เช่น ย่านเมืองเก่า ประตูเมืองเก่า ที่ทำการไปรษณีย์เก่าที่ยังเห็นความเสียหายจากรูกระสุนของพวกนาซีที่เข้ามายึดครอง และศาลากลาง . และรวมถึงโบสถ์เซนต์แมรีซึ่งเป็นหนึ่งในสามโบสถ์อิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องบอกว่าในย่านเมืองเก่ามีโบสถ์หลายแห่งให้เราเดินเล่นชมได้ แต่โบสถ์เหล่านี้มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก และเนื่องจากเป็นโบสถ์ประจำเมือง จึงดูเหมือนเป็นโบสถ์เซนต์แมรี Gdangs เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยวมากนัก ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วยคนท้องถิ่น หากชอบบรรยากาศชิลล์ๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาดแต่อย่างใด

2. เมืองพอซนัน(Poznan)

พอซนันถือเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์ ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของยุโรป ปัจจุบันยังคงเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญในโปแลนด์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 อีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวในพอซนัน เริ่มต้นจากจัตุรัสใจกลางเมืองเก่า (Old Town Square) บริเวณนี้เป็นจุดรวมตัวของอาคารเก่าแก่สีสันสดใสสะดุดตา เก๋ไก๋ เหมาะแก่การโพสท่าถ่ายรูปเป็นอย่างมาก เช่น ป้อมปราการ , ศาลากลางจังหวัด, แกรนด์เธียเตอร์ (Grand Theatre โรงละครโอเปร่าที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมันในสไตล์นีโอคลาสสิก, ปราสาทอิมพีเรียล ปราสาทชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของพอซนานที่ปัจจุบันใช้เป็นโรงภาพยนตร์และห้องโถง ศิลปะ

3. เมืองวรอตสวัฟ(Wroclaw)

Wroclaw เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน และด้วยเหตุนี้ในเมืองจึงมีสะพานข้ามแม่น้ำหลายแห่ง ว่ากันว่ามีหลายร้อยคน ‘เมืองแห่งสะพาน’ (The City of Bridges) เมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศโปแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ในเขตเมืองเก่า และใจกลางเมืองที่มีโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ มหาวิหาร และสถาปัตยกรรมที่สวยงามและคลาสสิก ภายในเมืองนักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับรูปปั้นคนแคระที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง กล่าวกันว่ารูปปั้นคนแคระเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงขบวนการต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่ใช้คนแคระเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน สถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดในเมืองนี้คือ มหาวิทยาลัยวรอตซวาฟ (University of Wroclaw) มหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ และผลิตบุคลากรชั้นนำระดับโลก เมืองนี้ไม่ใช่เมืองหลักของนักท่องเที่ยวแต่หากมีเวลาควรไปเยือนสักครั้ง

4. เมืองลับบลิน(Lublin)

ลูบลิน เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของโปแลนด์ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศ เป็นหนึ่งในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของโปแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้ ได้แก่ เมืองเก่า (เมืองเก่าลูบลิน), ประตูคราคูฟ, โบสถ์โฮลีทรินิตี้ (โบสถ์โฮลีทรินิตี), ปราสาทลูบลิน (ปราสาทลูบลิน) ฯลฯ

5. เมืองคราคูฟ(Krakow)

เมืองคราคูฟ (Krakow) คราคูฟ หรือ คราคูฟ (Cracow) เคยเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศโปแลนด์ เป็นเมืองโบราณและถือเป็นเมืองปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโปแลนด์ เพราะที่นี่ นอกจากพื้นที่เมืองเก่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย เช่น ค่ายกักกัน Auschwitz Birkenau ความโหดร้ายที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ ป้าย ARBEIT MACHT FREI เหนือประตูเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องดู และเป็นสัญญาณแห่งความหวังของนักโทษในสมัยนั้นที่ต้องทำงานหนักเพียงเพื่อหวังอิสรภาพที่ไม่มีอยู่จริง

ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ (Auschwitz Birkenau) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโปแลนด์ มันถูกยึดครองโดยนาซีเยอรมนี และเป็นสถานที่กักขังและสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก รวมถึงชาวยิวด้วย และค่ายกักกันเอาชวิทซ์ที่ต่อต้านชาวเยอรมันเป็นหนึ่งในค่ายกักกันมากกว่า 15,000 แห่งที่กระจัดกระจายไปทั่วยุโรป และเป็นค่ายกักกันนาซีที่ใหญ่ที่สุด

6. เมืองวอร์ซอ(Warsaw)

วอร์ซอตั้งอยู่ริมแม่น้ำวิสตูลา และเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโปแลนด์ เป็นศูนย์กลางการศึกษา และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหนักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก รถยนต์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าหลายท่านคงจะคุ้นเคย และรู้เกี่ยวกับวอร์ซออย่างแน่นอนจากสนธิสัญญาวอร์ซอว์หรือ WarPac

วอร์ซอเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ต้องไปชมในโปแลนด์ เพราะเมืองนี้มีสถานที่ที่เราสามารถเดินเที่ยวได้ไม่แพ้เมืองอื่น เช่น พระราชวัง Lazienki ซึ่งมีสวนสวยขนาดใหญ่ที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว พระราชวังลาเซียนสกี้ก็มีความสำคัญในความทรงจำของคนไทยเช่นกันเพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนวอร์ซอในปี พ.ศ. 2440 เช่นกัน

พระราชวังวิลาโนว์ พระราชวังที่มีอาคารสีเหลือง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้มากนัก เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์จอห์นที่ 3 โซบีสกีแห่งโปแลนด์ (กษัตริย์จอห์นที่ 3 โซบีสกี) ไม่นานก็ถูกขายทอดตลาด และเปลี่ยนมือหลายครั้งจนถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วจึงสร้างขึ้นใหม่ และเปิดเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505

และถ้ามาเมืองหลวงแห่งนี้คงจะไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนไม่แวะย่านนี้ ศูนย์กลางเมืองเก่า (เมืองเก่า) ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในกรุงวอร์ซอ ในย่านเมืองเก่าก็มีสถานที่ให้เดินเล่น เช่น

7. เมืองโทรุน (Torun)

เมืองโตรันตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโปแลนด์ ริมฝั่งแม่น้ำวิสลาหรือวิสตูลา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายยาว และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในโปแลนด์ เมืองโตรันเป็นเมืองเก่าในยุคกลาง เป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรม เมืองนี้ประกอบด้วยอาคารสไตล์โกธิกที่สวยงาม ศาลากลางเก่า อนุสาวรีย์ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) หรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ

8. เมืองซาโกปาเน(Zakopane)

ซาโกปาเนเป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงาม ล้อมรอบด้วยเทือกเขาทาทรา ซึ่งเป็นเทือกเขาบริเวณชายแดนโปแลนด์และสโลวาเกีย ซึ่งมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เนื่องจากมีความสวยงามทางธรรมชาติ จึงเป็นศูนย์กลางเมืองสำหรับการแข่งขันกีฬาฤดูหนาว Zakopane เป็นเมืองที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว

โปแลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในหลายเมือง และถึงแม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งจะถูกสร้างและบูรณะใหม่หลังถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศนี้สนุกน้อยลงเลยเพราะเราเชื่อว่าการเดินทางผ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะช่วยทำให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์ และเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทาง

9 . ปราสาทมอลบอร์ก (Malbork Castle)

ปราสาทมัลบอร์กเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของมัลบอร์ก สร้างขึ้นในปี 1274 เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการในการต่อสู้กับศัตรูชาวโปแลนด์ และเป็นศูนย์กลางการบริหารสำหรับภูมิภาคบอลติกตอนเหนือ เหมืองเกลือ Wielichka ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองคราคูฟเป็นหนึ่งในเหมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ปัจจุบันเหมืองประกอบด้วยเมืองใต้ดินที่แกะสลักจากหินเกลือทั้งหมด โบสถ์ที่ให้เสียงดีที่สุดในกลุ่มโครงสร้างอาคารในยุโรป และการจัดแสดงประติมากรรมโบราณที่ทำจากเกลือสลับกับประติมากรรมจากศิลปินหน้าใหม่

10. ป่าเบียวอเวียชา (Białowieża Forest)

ป่า Białowieża เป็นป่าที่ทอดยาวขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนโปแลนด์-เบลารุส ซึ่งหลงเหลือมาจากป่าที่เคยครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรป นักท่องเที่ยวสามารถเดินหรือปั่นจักรยานในป่าแห่งนี้ได้ และสามารถมองเห็นสัตว์ร้ายได้ นอกจากนี้ยังมีวัวกระทิงยุโรปที่ได้รับการคุ้มครองประมาณ 800 สายพันธุ์อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง